แฮกเกอร์ปล่อยคลิปเรียกค่าไถ่ ข้อมูลคนไทย 55 ล้านคน

ปกเบอร์สายด่วน

             จากที่เป็นข่าวล่าสุด ที่มีแฮกเกอร์ปล่อยคลิปเรียกค่าไถ่ ข้อมูลคนไทย 55 ล้านคน โดยทาง รมว.ดีอีเอส สั่งตั้งทีมล่าแฮกเกอร์พร้อมทั้งทำการปิดกั้นเว็บไซต์แล้ว เพื่อเป็นการป้องกันข้อมูลรั่วไหล ด้าน ธปท. ยืนยันไม่พบข้อมูลรั่วไหล จากธนาคารแห่งประเทศไทย

             โดยผู้ใช้งานบัญชี 9near โพสต์ขายข้อมูลส่วนตัวของคนในประเทศไทยกว่า 55 ล้านรายการ บนเว็บไซต์ Bleach Forums  โดยมีการอ้างว่า เป็นไฟล์ข้อมูลรายชื่อ วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และยังมีการแอบอ้างโดยใส่ชื่อ นายปริญญา หอมเอนก เป็นผู้สนับสนุน และให้ผู้ใช้งานคิดว่าข้อมูลของตนรั่วไหล และมีการขู่ว่าให้ติดต่อกลับไปก่อนวันที่ 5 เม.ย. 16.00 น. เวลาประเทศไทย ไม่เช่นั้นจะทำการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด ทั้งนี้ อ.ปริญญาฯ ได้เข้าแจ้งความกับกองบังคับการ ปราบปรามการกระทําผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แล้ว ในวันเดียวกัน

             เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 66 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ผู้ใช้งานบัญชี 9near ได้โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ บนเว็บไซต์ Bleach Forums โดยมีการกล่าวว่าข้อมูลที่ตนเองมีนั้นได้มาจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งในประเทศไทย และได้ทำการโพสต์ตัวอย่างของไฟล์ ที่มีทั้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด เบอร์ทรศัพท์ และเลขประจำตัวประชาชน ที่เป็นข้อมูลส่วนตัว อีกทั้งได้มีการโพสต์ในลักษณะข่มขู่อีกด้วยว่า จะต้องมีการติดต่อกลับก่อนวันที่ 5 เม.ย. 16.00 น. เวลาประเทศไทย ไม่อย่างนั้นจะทำการเผยแพร่ข้อมูล ซึ่งการกระทำดังกล่าวของผู้ใช้งานรายนี้ ทำให้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อทุกคน

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการดังนี้ 

              1) ประสานผู้ให้บริการ domain name สําหรับเว็บไซต์ 9near.org (Namesilo, LLC) ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการในต่างประเทศ เพื่อปิดกั้นการใช้งานเว็บไซต์ 9near.org ตั้งแต่วันพุธที่ 29 มี.ค. 66 เวลา 19.00 น. เพราะได้ทำการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้อื่น และระบุข้อความในลักษณะข่มขู่ให้ผู้คิดว่าข้อมูลของตนรั่วไหล ติดต่อกลับไป ซึ่งเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ได้รับการตอบรับหรือ ดําเนินการจากผู้ให้บริการ

              2) ดําเนินการขอคําสั่งศาลตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งอาจเข้าข่าย

  • มาตรา 14 (2) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทาง เศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่น ตระหนกแก่ประชาชน หรือ
  • มาตรา 20 (2) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามท่ี กําหนดไว้ในภาค 2 ลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

              และได้ประสานงานไปยัง ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศ (เช่น AIS True NT) เพื่อดำเนินการปิดกั้นเว็บดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งตอนนี้ คศ. อยู่ระหว่างประสานสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เพื่อสอบถามข้อมูลว่ามีการแจ้งเหตุข้อมูลรัฐรั่วไหลหรือไม่

              โดยโทษสูงสุดของการกระทำความผิดในครั้งนี้คือ ความผิดตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฯ โทษสูงสุด จําคุก 5 ปี และโทษที่มีการนําข้อมูล ส่วนบุคคลไปใช้อย่างผิดกฎหมาย เข้าข่ายผิด พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อาจถูก จําคุก 1 ปี หรือปรับ 1 ล้าน บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ต่อ 1 กรรม หรือต่อผู้เสียหาย 1 คน ได้ โทษของคนร้ายอาจจะถูกคุกเป็นร้อยปี ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ และโทษที่นำข้อมูลไปใช้กระทําผิดกฎหมายหรือเผยแพร่ทําให้ผู้อื่นเสียหาย

              3) ได้ประสานสํานักงานตํารวจแห่งชาติเพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และดําเนินการหาตัวผู้กระทํา ความผิดมาลงโทษ

              นายชัยวุฒิ กล่าวว่าได้สั่งการให้เร่งจัดการอย่างเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ประสานตํารวจหาหลักฐานและตัว ผู้กระทําความผิดมาลงโทษ และขอฝากเตือนไปยังผู้ที่จะนําข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ผิดกฎหมาย ระวังโทษหนัก ทั้งจําคุกทั้งปรับ” ติดต่อ call center กระทรวงดิจิทัลฯ 1212 หรือ สายด่วน ตํารวจไซเบอร์ 1441

เบอร์แจ้งเหตุ
ติดต่อเราเพื่อสั่งซื้อ สอบถาม หรือขอใบเสนอราคา โทร: 02-116-8596 , 062-449-1659

จัดส่งฟรี รวดเร็ว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *